7.20.2560

Anti haul! เครื่องสำอางและสกินแคร์อะไรบ้างที่จะไม่ซื้อ Sulwhasoo, DIOR, CHANEL, Fresh

สวัสดีค่ะ หัวข้อนี้ได้รับแรงบรรดาลใจมาจาก Kimbery Clark (Youtube Channel ของ Kimberly) ที่มีคำพูดติดปากและเป็นหัวข้อที่ดังชื่อว่า Anti haul! What I'm not gonna buyหนึ่งในบล็อกเกอร์ต่างชาติที่เราชอบมาก เค้าดังมากในการทำคลิป Anti haul ซึ่งจะคนละขั้วกับ Haul ที่เอาของที่ Shopping มาเห่อ ส่วน Anti haul จะประมาณว่า มีผลิตภัณฑ์อะไรบ้างที่จะไม่ซื้อ พร้อมเหตุผลค่ะ ว่าทำไมถึงเลือกที่จะไม่ซื้อ ในฐานะผู้บริโภคที่มีสิทธิ์เลือก
ต่อมาบล็อกเกอร์บ้านเราที่ทำหัวข้อ Anti haul คือคุณสาลี่ MaiRuuDee ซึ่งคุณสาลี่คือบล็อกเกอร์ที่เราชอบและติดตามมาต่อเนื่อง เธอคือบล็อกเกอร์ที่ผู้บริโภคแบบเราๆต้องการและควรติดตาม คุณสาลี่รีวิวของต่างๆแบบตรงไปตรงมา และพูดรู้เรื่องเข้าใจ ดูแล้วเอามาประกอบการตัดสินใจได้
เราว่าเอาจริงๆทั้ง Kimbery และคุณสาลี่ เค้าเซฟเงินคนที่ดูคลิปเค้านะคะ ให้ไม่ต้องเสียเงินไปกับของที่ไม่เข้าท่า เราก็หวังว่า Anti haul จะช่วยเซฟเงินในกระเป๋าตังค์เพื่อนๆ เพื่อที่จะไม่ต้องเสียเงินมากเกินความจะเป็นนะคะ

1. Sulwhasoo Perfecting Intense Cushion


เราเป็นแฟนสกินแคร์ (ชอบสบู่ล้างหน้ากับซีรั่ม) และคุชชั่น Sulwhasoo รุ่น Perfecting brightening ซึ่งทาแล้วผิวสวยมาก รวมถึงเมคอัพชิ้นอื่นๆของ Sulwhasoo แต่คุชชั่นรุ่นนี้ที่เค้าเคลมว่ามีสารบำรุงเรื่องริ้วรอย เราไม่เคยคิดจะซื้อเลย หลักๆคือราคา มันไม่โอเคสำหรับเราที่จะซื้อคุชชั่นราคา 2,700 บาท ที่เคลมว่ามีสารบำรุง ซึ่งเราควรเอาเงิน 2,700 บาทไปซื้อของมาบำรุงผิวไปเลย ดีกว่าจะมาหวังการบำรุงจากคุชชั่น ซื้อ First Care Serum ของ Sulwhasoo ก็ได้ ต่อมาคือราคาระดับนี้เราเอาไปซื้อรองพื้นดีๆไปเลยจะดีกว่า ปริมาณคุชชั่นนี่ถ้ารวมรีฟิล 2 อัน ใช้ทุกวัน 3-4 เดือนก็หมดแล้ว (เผลอๆหมดก่อนนั้น) แต่เชื่อว่ารองพื้นขวดนึงใช้ได้นานกว่าคุชชั่นแน่นอน และมีรองพื้นในตลาด ที่ดีมากๆๆ ในราคาที่ไม่แพงขนาดนี้แน่นอน สรุปสำหรับ Sulwhasoo ถ้าจะซื้อรุ่น Perfecting brightening เราแนะนำมากๆ จะมารีวิวให้อ่านเร็วๆนี้ค่ะ แต่สำหรับรุ่น Perfecting Intense Cushion เราคงต้องขอโบกมือปฏิเสธที่จะซื้อ
2. Dior Lip Tattoo


ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าเราชอบอะไรจากดิออร์ก็มาก เช่น น้ำหอม, คุชชั่น, รองพื้น แต่ลิปทิ้นอันนี้เป็นของที่เราไม่คิดจะซื้อตั้งแต่ออกมา อย่างแรกคือเราสังเกต Peter Philip ที่เป็น Directer ของ DIOR หลังๆมานี้ เค้าได้รับอิทธิพลมาจากเทรนด์เกาหลีหลายอย่าง เราจะเห็นจากสีสันของลิปสติก รุ่น  Dior Addict Lacquer Stick สี 674 K-Kiss ซึ่งปีเตอร์ได้ให้สัมภาษณ์ว่า สีนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากเกาหลีค่ะ  (อ้างอิง) ซึ่งรู้กันว่ามีแบรนด์เกาหลีทำลิปสติกสีประมาณนี้แบบนีเยอะมาก

ต่อมาคือเราโอเคที่จะจ่ายเงินให้กับลิปแมตดีๆและลิปสติกราคาแพง เพราะเราเคยใช้ทั้งไฮเอนด์ และดรักสโตร์ คุณภาพต่างกันค่อนข้างชัด ซึ่งลิปตัวนี้ชื่อก็บอกว่าเป็น Lip Tint ซึ่งเราโอเคและชอบมากๆ ไม่มีปัญหาอะไรกับทิ้นของเกาหลี เราชอบด้วยซ้ำ ทั้งสี ทั้งความติดทน ทำออกมาได้ดีมากๆ คือเกาหลีเค้าผลิตTint กันมาสิบๆปีแล้ว ซึ่งส่วนมากราคาไม่แพง แถมใช้ดีด้วย บ้านเราเอง ผู้บริโภคก็ใช้ Tint กันมาเป็นสิบปีๆเช่นกัน มันทำให้เรารู้สึกว่า ทำไมฉันต้องตื่นเต้นกับการที่ Dior เพิ่งออก Lip Tint มาสู่ตลาดในปี 2017 นี้ด้วย

ที่สำคัญเราอ่านรีวิว Sephora อเมริกา คะแนนเสียงแตก มีทั้งคนชอบและไม่ชอบแบบชัดเจน คะแนนถือไม่ได้มาก พูดในแง่คนที่ไม่ชอบ เท่าที่อ่านรีววิวมาคือ สีไม่สม่ำเสมอ ติดไม่ทน ซี่งเราได้มีโอกาสดูคลิปสวอชสีใน Youtube ลิ้งนี้ เราก็ยิ่งไม่อยากได้ เพราะเนื้อเมื่อปาดมาแล้วมันเหลว และสีก็ไม่สม่ำเสมอกันค่ะ


3. CHANEL LES BEIGES HEALTHY GLOW GEL TOUCH FOUNDATION (Cushion)



กระแสคุชชั่นมันทำเราฟ่อ ไม่ตื่นเต้นเลย ชาแนลไปอยู่ไหนมาเพิ่งมาทำ และเคาะราคามาแพงมากที่ 2,400 บาท (ที่ประเทศต้นฝรั่งเศส 43 ยูโร) ซึ่งต้องจ่ายให้กับคุชชั่นที่ใช้แค่เดือนสองเดือนก็หมด ถ้าใช้ทุกวัน เรามีโอกาสคุยกับเพื่อนที่ซื้อคุชชั่นตัวนี้ เลยรู้สึกส่วนตัวว่าแพ็คเกจขาดความปราณีต ไม่มีซองกำมะหยี่แบบเวลาซื้อแป้งผสมรองพื้น บลัชออน หรืออายแชโดว์ รวมถึงเนื้อคุชชั่นเลอะเทอะเปรอเปื้อนมากๆบนตลับ ดูภาพความเลอะเทอะรวมถึงรีวิวได้ใน ลิ้งนี้ และ ลิ้งนี้ ส่วนในแง่ความคุ้มค่าก็ไม่มีรีฟิลให้อีกอันแบบแบรนด์เกาหลี

หลังๆเราเมิน CHANEL เพราะมีหลายแบรนด์น่าสนใจกว่ามาก และกระแสรีวิวในต่างประเทศค่อนไปทางเฉยๆ บางอันค่อนไปทางไม่ดี เช่น บลัช รองพื้น แป้งผสมรองพื้น แต่ก็มีตัวเด่นๆชูโรงคือ แป้งฝุ่น (อันนี้ดีจริง) ลิปสติก (ดีเช่นกัน) บรอนเซอร์ (อยากลองมากๆ) แต่ที่เราเมินคือราคาเครื่องสำอางชาแนลเมืองไทย overprice มาก เราเคยเป็นแฟนแป้งผสมรองพื้นและรองพื้นบางรุ่น ตั้งแต่สมัยราคา 1,900 บาท จนปัจจุบัน ราคาขึ้นเป็น 2,600-2,900 บาท เครื่องสำอางชาแนลบ้านเราปรับราคาขึ้นทุกปี ในอัตราก้าวกระโดดกว่าประเทศต้นทาง ไม่ว่ามันไม่แฟร์กับผู้บริโภค สมมุติเราเป็นแฟนประจำอะไรซักอย่างหมดแล้วซื้อๆซ้ำๆคุณภาพเท่าเดิม แต่ราคาขึ้นเอาๆทุกปี นอกจากนี้ชาแนลบ้านเรามีการตั้งราคางงๆ โดดไปโดดมาจากประเทศฝรั่งเศส เช่น รองพื้นบางตัวรุ่นนึงถูกกว่าอีกรุ่น แต่เคาะราคามาขายบ้านเรา กลับขายราคาเท่ากัน (แน่นอนแพงและขึ้นราคารัวๆทุกปี) ทำให้หลังๆเราก็ไม่ได้ซื้ออะไร CHANEL เท่าไร
4. fresh ROSE FACE MASK
เราคาดหวังกับมาร์สตัวนี้มาก เพราะหนึ่งเราชอบกลิ่นกุหลาบ สองกระแสแรงมากๆ แต่หลังจากได้ลองจากเทสเตอร์มาร์สรุ่นนี้ ซึ่งกดเลือกจากของแถมมาถึงสองครั้ง เพื่อความชัวร์ ตอนซื้อของจาก Sephora Online มาร์สสิ่งนี้เคลมว่าใช้แล้วผิวจะชุ่มชื้น ผิวกระจ่างใส เราใช้แล้วความชุ่มชื้นไม่เกิดขึ้นบนผิวหน้าเราเลย กับราคาที่สูงถึง 2,450 บาท กับแพคเกจที่มีรักษาความสะอาดไม่ได้ และไม่ได้เกิดผลลัพธ์มิราเคิลใดๆบนผิว เราก็ต้องปฏิเสธที่จะซื้อ นี่แหละเป็นข้อดีของเทสเตอร์ สามารถเซฟเงินในกระเป๋าเราได้มากๆๆ
จบแล้วค่ะ ส่วนนึงบทความนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของเรา ถ้ามีเพื่อนๆคนไหนใช้ของเหล่านี้ที่เรากล่าวถึงแล้วชอบ ก็ดีใจกับเพื่อนๆ เป็นผลดีกับเพื่อนๆ แต่สำหรับเรา เราเองก็มีจุดยืนที่จะไม่ซื้อพร้อมกับเหตุผลที่ได้กล่าวไป หวังว่า Anti-Haul จะเป็นประโยชน์กับเงินในธนาคารของเพื่อนๆ ในฐานะที่เราเป็นผู้ซื้อหรือผู้บริโภค เราอยู่ในยุคที่มีอะไรมาสะกดจิตเราให้บริโภค ให้ซื้อของได้ง่ายๆ อยากให้เพื่อนๆตัดสินใจดีๆด้วยตัวเอง มากกว่าจะพุ่งตัวไปซื้อเพราะมีคนมาบอกให้ซื้อ(นอกจากเค้าจ่ายเงินให้เราซื้อก็ว่าไปอย่าง) ก่อนจะซื้ออะไรควรลองก่อนจะซื้อ ขอบคุณเพื่อนๆที่เข้ามาอ่านนะคะ

ทุกรูป เครดิตจากเว็บไซค์ของแต่ละแบรนด์เองค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น