1.15.2561

Best lipstick of 2017

สวัสดีค่า ในที่สุดก็ถึงบล็อกโปรดของหลายคน รวมทั้งเราด้วย ถ้าถามว่าเครื่องสำอางชนิดไหน มีเยอะที่สุด แน่นอนค่ะ ลิปสติกเนี่ยแหละแทบจะเป็น Fixed cost ต่อเดือนไปแล้ว (เฮือก) คัดเลือกแท่งที่มั่นใจว่าชอบและใช้บ่อยสุดๆ มาดูกันเลยว่ามีลิปสติกอะไรบ้างที่เป็นไอเท็มโปรดประจำปี 2017 ค่ะ









Burberry liquid lip velvet 05 สี Fawn

สี Fawn ออกแนวพลัมๆน้ำตาล สีแนว MLBB ที่ไม่โดดจากสีปากจริงมาก สีสุภาพแต่มีความชิคในตัว เนื้อลิปสติกไม่ใช้แมตแบบด้านๆแห้งๆ แต่เป็นเนื้อเหมือนวิปครีมที่เข้มข้น แต่ไม่เหนอะหนะ เนื้อนุ่มมาก ให้ความชุ่มชื้นไม่ทำให้ปากแห้ง พิกเม้นจัดเต็ม มีความทึบแสงจึงกลบสีปากมิด ทาแล้ว Velvet จริงๆ เนื้อลิปเงา แต่ไม่ใช่มันๆแบบน้ำมัน ทำให้ปากดูอิ่มมีมิติ ไม่ไปเน้นร่องปาก ทาแล้วทำให้พวกร่องปากดูสมูทขึ้น ติดทนกลางๆ

KAT VON D EVERLASTING LIQUID LIPSTICK สี LOLITA II

สีนี้ออกแนวน้ำตาลส้มอิฐ เราว่า KVD ทำลิปแมตจิ้มจุ่มออกมาได้ดีมาก ทาไปตอนแรกๆจะเป็นน้ำ พอมันแห้งเซ็ทตัวจะเป็นเนื้อแมต กลบสีปากมิด เป็นแมตที่มีความยืดหยุ่น ทาแล้วไม่แตกระแหง ไม่เป็นคราบ ไม่ทำให้ปากแห้งลอก ไม่ไปเน้นร่องปาก ติดทนทั้งวัน ไปพิชิตชาบูก็รอด จนเพื่อนถามเลยว่าใช้ลิปสติกอะไร พบว่าตัวนี้เป็นลิปสติกที่เราใช้บ่อยที่สุดในปี 2017






ซ้ายไปขวา 4  - 3 - 2 - 1


1. Maquillage dual color rouge เบอร์ 10

ลิปสติกมีสองสี สองด่านในแท่งเดียว ซึ่งจากที่เราสว็อตทั้งสองสีแทบไม่ต่างกันมาก สีออกแดงเจือคอรัลติ่งชมพู เป็นแดงที่ทาง่าย ใสๆ แบ๊วๆ เหมาะกับใครที่อยากลองเริ่มทาลิปสติกสีแดง หรือคนที่ต้องการลิปสติกสีแดงที่ทาได้ทุกวัน ไปทำงาน เรียน อันนี้ตอบโจทย์มาก เราชอบมาก พกไปไหนมาไหนตลอด เนื้อดี ชุ่มชื่น ลื่นๆทาง่าย ครีมมี่แบบไม่หนักปาก ทึบแสงปานกลาง ติดทนมากกว่าที่คิด อารมณ์เหมือนทิ้นผสมลิปสติกที่เนื้อดีมาก 

2. **Tom Ford lip color สี Wild Ginger

เป็นสีแดงอมส้ม ที่ไบรท์มาก ฝรั่งทาจะออกไปทางแดง ถ้าเอาเชียทาสีจะออกไปทางส้ม ถึงจะเป็นสีที่จัดจ้านพริกสิบเม็ด แต่ทาง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ ทำให้หน้าดูสว่างๆ วันไหนไม่อยากแต่งหน้าเยอะ ก็เขียนคิ้ว ปัดมาสคาร่า ทาลิปสติกอันนี้ จบ เนื้อครีมมี่ ลื่นๆ พิกเม้นชัด กลบสีปากปิด แต่ไม่ได้ทึบแสงแบบพวกลิปสติกแมต มีความเงาๆ ปากดูสุขภาพดี ติดทนปานกลาง บางวันร้อนๆเหงื่อๆลิปสติกมีไหลออกนอกขอบปากนิดนึง 

3. Burberry lip velvet 421 สี Rosewood 

สีถูกใจมาก สีชมพูปนน้ำตาลกุหลาบติ่งแดงนิดๆ สีเหมาะกับ Everyday look เป็นสี MLBB อีกสี เนื้อลิปสติกเป็นแมตแบบลิปสติกสมัยใหม่  คือไม่ใช่แมตแบบแบนๆทึบๆ ไม่แมตจนแห้งปาก แต่เป็นเนื้อกำมะหยี่ละมุนๆ ที่ให้ความชุ่มชื้น ให้ความเงาเบาๆกับริมฝีปาก ทำให้ปากดูมีมิติ เนื้อลื่นทาง่าย ไม่หนักริมฝีปาก ไม่ดูหนาเตอะ กลบสีปากเกือบมิด ติดทนดีแต่น้อยกว่าพวกลิปสติกแมตแบบน้ำๆแห้งๆ เอาจริงๆเนื้อคล้าย Charlotte Tilbury แต่ Burberry จะติดทนกว่า CT จะมีความทึบแป้งๆกว่า

4. **MAC lipstick matte สี Lady Danger

สีคล้าย Tom Ford Wild Ginger ข้างบนราวๆ 90 กว่าเปอร์เซ็น จนแทบจะเป็น dupe ในเรื่องของสี ความต่างคือเนื้อ แมคจะแมทแบบด้านๆ แห้งๆ ทึบแสงไปเลยสไตล์แมค ซึ่ง TF จะไบรท์กว่านิดนึง MAC จะดูขรึมกว่าเข้มกว่านิดๆ(แต่ก็จัดเป็นสีแซ่บๆยู่ดี) แต่ติดทนดีแม้กินอะไรก็ตาม 

** ถ้าถามว่าชอบ MAC Lady Danger หรือ Tom Ford Wild Ginger มากกว่ากัน เราชอบ MAC นะบอกตรงๆ ถึง TF จะเนื้อดีแค่ไหน แต่ MAC ถูกกว่า ติดทนกว่า ไม่ต้องห่วงว่าจะเลอะเทอะ คือไม่จำเป็นต้องมีทั้งสองแท่ง**

Best red lipstick of 2017





Burberry lip velvet 429  Military Red

จริงๆเรามีลิปสติก Burberry รุ่นนี้หลายสีมาก เพราะชอบเนื้อ แต่คัดมาเฉพาะสีที่ชอบและใช้บ่อย สีนี้เป็นสีแดงกลางๆแบบไม่ warm หรือ cool จนเกินไป เราว่าเข้าได้กับแทบทุกสีผิว สีสวยมาก ทาแล้วไม่ไบรท์เกินหรือแดงแบบแซ่บเกิน เป็นสีแดงที่ทาง่าย อารมณ์ประมาณทำให้นึกถึงเทศกาลคริสต์มาส หรือไม่ก็ใส่เสื้อเขียวลายพรางทหารแล้วทาปากสีนี้ มันใช่มาก Military Red สมชื่อเลย 


Bourjois rouge edition velvet 08 Grand Cru

สีแดงแอบมีติ่งชมพูม่วง ถ้าทาแล้วซับทิชชู่จะกำมะหยี่ละมุนตุ้น จะเห็นสีชมพูปนมากับสีแดงชัดเจน ถ้าทาทับกันสองชั้นขึ้นไปจะได้สีแดงแบบ cool red ดาร์กนิดๆ เป็นแดงที่ไม่ไบรท์เกิน เนื้อดีมาก Velvet แบบไม่แมตแห้ง ชุ่มชื้น กลบสีปากมิด ไม่ตกร่องปาก ถ้าเซ็ทตัวแล้วติดทนพอสมควร กินข้าวจิบน้ำมีหลุดๆบ้างนิดหน่อย เป็น Must have ที่ควรมี ราคาน่ารัก แบรนด์ลูกของ CHANEL อยากซื้อเพิ่มให้ครบทุกสีจริงๆนะ ข้อเสียคือกลิ่นแอบเคมีๆ

จบแล้วค่ะสำหรับลิปสติกแท่งโปรด ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและติดตามค่ะ 


Best makeup of 2017

สวัสดีค่ะ หลังจากรวมของที่ดีที่สุดสำหรับไปแล้วในหมวดของสกินแคร์ ก็มาต่อกันด้วยเครื่องสำอางกันเลยค่ะ คัดเฉพาะที่ชอบและใช้บ่อยจริงๆอีกเช่นเคย รวมมาไว้ที่นี่ยกเว้นลิปสติก ในส่วนของลิปสติกในจะทำแยกไว้อีกทีนะคะ เพราะมันยากมากที่จะเลือกลิปสติกแค่แท่งเดียว เริ่มกันเลยค่ะ

Burberry fresh glow luminous fluid base
30ml ราคา 1,900 บาท
Made in France



ขาดไม่ได้เลยค่ะ ใช้ทุกวัน ถ้าวันไหนไม่ใช้จะรู้สึกแปลกๆ เหมือนแต่งหน้าไม่ complete เบสตัวนี้มีเนื้อมุกละเอียด เล็กกว่าชิมเมอร์ทั่วไป ทำให้กระจายแสงให้ผิวโกลวแบบธรรมชาติ อารมณ์ healthy glow เลยค่ะ เนื้อเบสจะเบาเหมือนลงสกินแคร์ เบสตัวนี้จะสมูทผิว ทำให้ลงรองพื้นต่อง่ายขึ้น เข้าได้กับรองพื้นทุกอันที่เราใช้เลย พวกรองพื้นแมทๆจะเห็นชัดมาก นอกจากนี้ยังสารพัดวิธีใช้ ทาเป็นเบส ผสมรองพื้นเพิ่มความโกลว ลงเฉพาะจุดเป็นไฮไลท์ ผสมมอยเจอร์ไรเซอร์ในวันที่ไม่แต่งหน้า เบสให้ผิวสวยแบบธรรมชาติ ถ้าถ่ายรูปจะเห็นชัดเลยค่ะ ว่าทำให้ผิวดูดีขึ้น ใช้จะหมดแล้ว ซื้อขวดใหม่มาตุนแล้วด้วย


Guerlain lingerie de peau natural perfection foundation spf 20
30ml ราคา 2,500 บาท
Made in France



รองพื้นตัวนี้ปกปิดน้อยถึงปานกลาง เหมาะกับคนชอบสไตล์ธรรมชาติที่ปกปิดขึ้นมาอีกหน่อย ทาเพิ่มได้โดยไม่ทำให้ผิวดูหนาเตอะ ให้ Natural Finish คือไม่วาวไปหรือแมตไป ทาแล้วเนียนมาก พรางรูขุมขนสุดๆ กระจายแสงดี ทำให้หน้าดูมีมิติไม่แบน คุมมันกลางๆ ที่เด็ดติดทนทานมาก สีไม่ดรอป ไม่ตกร่องระหว่างวัน กลิ่นน้ำหอมไฮโซและโบราณ กลิ่นคล้ายๆแป้งรุ่นฮิตเค้าเลย ข้อเสียคือควรลองและเลือกสีดีๆ รองพื้นฝรั่งบางอันนี่เหลืองแบบอมเขียว บางสีก็ส้ม เราใช้ 02w ออกขาวเหลือง NC 15-20 เอเชียใช้ได้


Clé de Peau Beauté concealer 
5 g ราคา 2500 บาท
Made in Japan



ราคาสูง(มาก) แต่ใช้ได้นาน ปกปิดแบบ Full Coverage แต่ยังให้ผิวที่ดูธรรมชาติ เนื้อเป็นแบบครีมข้นที่นำมาอัดแท่ง วิธีใช้ที่ดีที่สุดคือเอานิ้ววอร์มเนื้อคอนซีลเลอร์ แล้วเอานิ้วมากดๆเบาบนผิว ถ้าจะทาใต้ตาควรบำรุงดีๆ จะได้ไม่แห้งไป คือมันไม่ได้ทำให้ใต้ตาแห้ง แต่ก็ไม่ได้ให้ความชุ่มชื้น ติดทนมาก ทนทั้งวันจริงๆ ไม่ตกร่อง ไม่เป็นคราบ


Guerlain  les voilettes compact powder
6.5 g ราคา 2,350 บาท
Made in France



เป็นแป้งอัดแข็งไม่ผสมรองพื้น กลิ่นน้ำหอมสไตล์ Guerlain อารมณ์สาวแก่ไฮโซ เราเอาแป้งตัวนี้ไว้เซ็ทรองพื้น จริงๆเค้ามีพัฟให้มา แต่เราชอบใช้แปรงปัดมากกว่า เนื้อแป้งเนียนละมุน คุมมันถือว่าดี ทีโซนมันช้าลง ให้ฟินิชลุคแบบ Matte แต่ก็ไม่แบน ทาแล้วมีความโปร่งแสง เลยไม่บดบังฟินิชของรองพื้นที่ทา ขอติที่ปริมาณตลับสลิมมาก ปริมาณน้อย ถ้าเทียบราคารู้สึกว่ามันแพง(มากกกกก) ซื้อแค่ใน Duty Free กับตอน Sephora ลด 20 % เท่านั้น 


 Shiseido 7 lights powder illuminator
12 g ราคา 2,200 บาท
Made in Japan


เป็นแป้ง Finishing Powder ที่เราหยิบใช้บ่อย ชอบมากกว่า Guerlain ที่เป็นแป้งเม็ดอัดแข็งอีก มันเป็นแป้งอเนกประสงค์สารพัดประโยชน์มาก พกไปเที่ยวทุกทริป สีน้ำตาลเอามาทาเป็นอายแชโดว์ได้ ทาเป็นบรอนเซอร์ได้ สีม่วง สีชมพู สีส้ม เอามาทาแก้มได้ สวยด้วย สีขาวก็เป็นไฮไลท์ ทาเป็นแป้งคือทาแล้วผิวดูสวย เบลอร่องรอย รูขุมขน เพิ่มมิติให้หน้า ปัดแป้งแล้วมีคนทักบ่อยๆเวลาทา ว่าผิวดี


eyebrow




Burberry effortless eyebrow definer เบอร์ 03 สี ash brown
0.25 g ราคา 1,100 บาท
Made in Korea

เป็นดินสอเขียนคิ้วที่ซื้อซ้ำ พกไปเที่ยวด้วยตลอด เนื้อกึ่งเจลกึ่งแวกซ์ เนื้อนุ่มมาก ทำให้ไม่ต้องกดฝนลงไปเวลาใช้แบบดินสอทั่วไป แค่กดเบาๆ เติมตามช่องว่างของคิ้ว ห้ามถมเป็นปื้นนะ จะได้ลุคแบบธรรมชาติสุดๆ ใช้ทีละน้อย ปีนึงยังไม่หมดเลย เป็นสีน้ำตาลเทาแบบที่ชอบ เข้ามากกับคนไม่ทำสีผมแบบเรา ไม่ดำหรือน้ำตาลเกิน สีเหมือนผมธรรมชาติ

Bourjois brow design mascara เบอร์ 03 สี Chatain
ราคาประมาณ 200-350 บาท
Made in France

ดีที่สุดท่าที่ลองมาสคาร่าคิ้วมา ราคาน่ารัก สีเหมาะกับคนไม่ได้ทำสีผม เนื้อดี เซ็ทตัวเป็นฝุ่น ไม่เลอะเทอะ ไม่ต้องใช้ทิชชู่ซับแปรงก่อนใช้ ปัดซ้ำได้ระหว่างวัน ไม่จับตัวเป็นก้อน


Eyeliner, Mascara, Eyelash Curler




1. Leanani waterproof liquid eyeliner
ราคา 560 บาท
Made in Japan

อายไลเนอร์หัวพู่กันเล็กกำลังดี ลื่นปรี้ด เขียนง่าย ติดทน ไม่แพนด้า ลูกรักเบอร์ 1 เบียดชนะ Kiss me ดีใจมากที่มีขายในไทยแล้ว ชอบถึงขนาดซื้อตุนไว้แล้วค่ะ

2. Kiss me heroine make smooth liquid eyeliner
ราคา 540 บาท (ราคาญี่ปุ่น 1,080 yen) นางขึ้นราคาจ้า ราคาโหดกว่าญี่ปุ่นเยอะเลยทีนี้
 Made in Japan

ถึงจะตกอันดับเล็กน้อย หลังจากเป็นลูกรักมานานมาก แต่ก็ยังคงรักนาง เพราะหาซื้อง่ายกว่า ติดทน ไม่แพนด้า สีดำคือดำสนิทจริงๆ

3. Surratt relevée lash curler
30 USD ประมาณ 900-1,250 บาท
Made in Japan

ที่ดัดขนตาลุงสุราด ที่เป็นกระแสทั้งในบ้านเราและต่างประเทศ ไม่มีขายแบบเป็นทางการในบ้านเรา ก่อนซื้อนี่คิดแล้วคิดอีก เพราะมันแพงกว่าที่ดัดขนตาแม้จะไฮเอนท์แบรนด์อื่นๆ คิดสามเดือน ถึงขั้น inbox ไปถามคุณฟิโอ Fionalita ว่าควรไม่ควรจัด คุณฟิโอก็ใจดีมากแม้ไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว ก็ตอบมาน่ารักมาก คือควรจัดต้องมี พอมาใช้แล้วชอบมาก ดัดขนตาได้งอนแบบธรรมชาติ ขนตาไม่หัก คือเราเคยใช้ Shu Uemura ก็ไม่พอดีกับรูปตาคนตาชั้นเดียวแบบเรา ของ Shiseido พอดี แต่ยางอ่อนเกิน ดัดแล้วงอนแป๊บๆ อันนี้ตอบโจทย์แก้สิ่งเหล่านั้น ดีจริงๆ

4. Kiss me heroine make volume and curl mascara super waterproof
ราคา 590 บาท (ราคาญี่ปุ่น 1,080 yen) นี่ก็ขึ้นราคาอีกตามอายไลเนอร์ ราคาโหดกว่าญี่ปุ่นเยอะเช่นกัน
Made in Japan

เคยลองใช้รุ่น Volumn พังมาก พอลองรุ่นนี้ไม่ผิดหวัง ต่อขนตา เพิ่มความหนา ทำให้ขนตางอนนาน ติดทนสุดๆ แต่หัวแปรงแบบนี้บางทีปัดแล้วเลอะ ต้องค่อยๆปัด เป็นมาสคาร่าที่ดีมาก แต่นางเปลี่ยนแพ็คเกจจิ้งบ่อย จนสร้างความสับสนเวลาซื้อ


NARS smudge proof eyeshadow base
7ml ราคา 1,000 บาท
Made in U.S.A.



ชนะ Urban Decay, Too Faced ขาดลอย ทาแล้วไม่เป็นคราบ อายแชโดว์สีชัดขึ้น ติดทนแบบทาเช้าถึงค่ำเลย ที่ญี่ปุ่นก็ฮิตมาก ชนะทั้งสองแบรนด์ที่เราบอกเช่นกันค่ะ



Tom Ford Eye Color Quad สี Nude Dip
6 g ได้ข่าวว่าขึ้นราคาอีกแล้ว สดๆร้อนๆ ตอนเราซื้อราคา 3,100 บาท
Made in Italy


เนื้อละเอียด นุ่ม ไม่ fall out ทาแล้วเนียนสวย ชิมเมอร์ผู้ดีไม่เป็นเกล็ดๆเม็ดๆ ให้ลุควาวกำลังดีบนเปลือกตา เบลนด์สีง่าย ทาแล้วเหมือนอายแชโดว์หลอมรวมไปกับผิว ไม่ดูโดดออกมา เป็นพาเล็ตสีที่ลงตัว ใช้ได้ทุกโอกาส หยิบมาใช้บ่อย ใช้ได้ทั้งแบบเปียกและแห้ง ใช้ที่ทาที่มากับพาเล็ตดีที่สุด 

1 >> สีแชมเปญ
2 >> คอปเปอร์เจือพีช
3 >> สี taupe 
4>> น้ำตาลเข้ม


Colourpop super shock shadow สี lala, Game Face
2.1 g ราคา 5 USD
Made in U.S.A.


ไม่มีขายในเมืองไทย หาซื้อลำบากนิดนึง สีสวยมาก เนื้อดีสุดๆละเอียด มีความนุ่มๆครีมมี่ ดีไม่แพ้พวกเคาน์เตอร์แบรนด์ค่ะ วิธีทาที่ดีที่สุดคือใช้นิ้ว ราคาน่ารัก ใช้แล้วอยากซื้อเพิ่มอีกสิบสี ไปอ่านรีวิวเจอด้วยความที่เนื้อมันนุ่มบัตเตอร์ ถ้าเจออากาศเนื้อจะแห้งแข็ง ควรรีบทารับปิดฝาค่ะ


Glossier cloud paint สี Dusk, Haze
10 ml ราคา 18 USD
Made in U.S.A


ไม่มีขายในเมืองไทยอีกแล้ว ส่วนตัวเป็นแฟนแบรนด์ Glossier อยู่แล้ว ชอบสไตล์ ชอบเจ้าของแบรนด์ ชอบความ minimal ของแพ็คเกจจิ้ง แต่ต้องยอมรับว่ามีหลายตัวของแบรนด์ที่ overhype และแพงเกิน แต่บลัชออนอันนี้กระแสรีวิวที่ต่างประเทศคือดีมาก ซึ่งพอซื้อมาใช้ก็ดีจริงๆ ชอบมาก เนื้อออกเจลๆ ทาง่าย ทาทับแป้งได้ไม่เป็นคราบ ให้ลุคธรรมชาติ ชิคทุกสี เล็งจะซื้ออีกสองสีมาเพิ่มให้ครบค่ะ ไปส่อง Makeup Artist ต่างประเทศ มีตัวนี้ติดกระเป๋ากันหลายคน

Dusk จะออกสีนู้ดน้ำตาล เก๋มาก ทาผสมสีอื่นๆได้
Haze สีชมพูอมม่วงแบบราสเบอร์รี่ ทาแล้วได้สีชมพู เหมือนเพิ่งไปวิ่งมา ชอบสีนี้มากสุดๆ


Burberry light glow natural blush
2.5 g ราคา 1,900 บาท
Made in Italy



เสียสติและเสียตังค์ซื้อเองทุกสี เป็นบลัชออนที่ชอบที่สุด ชอบมานาน เนื้อเค้าดี เนื้อนุ่ม ปัดแล้วเนียนสวย ไม่เป็นปื้น ติดทน สีสวยแบบ Unique ไม่ซ้ำใคร สีจะนวลๆอิ่มๆ ปัดแล้วเหมือนละลายไปกับผิว สีไม่โดดเด้งออกมา ปัดแล้วโกลวธรรมชาติ  ไม่รู้เค้าใช้เทคนิคอะไร สีที่ไม่มีชิมเมอร์ยังโกลวเลย Must have ค่ะ แปรงที่ให้มาก็นุ่ม ปัดดีอีกต่างหาก

 04 Peony Blush  สีชมพูหวานๆ ชิมเมอร์เล็กละเอียดสีน้ำเงิน ลงตัวมาก
 07 Earthly สีน้ำตาลเจือชมพู วันไหนแต่งตาหรือปากแน่น บลัชสีนี้ตอบโจทย์มาก ใช้คอนทัวร์ได้ด้วยสำหรับคนที่ผิวขาว
06 Tangerine สีนี้ใช้แต่งหน้าโทนพีชๆ everyday look สวยมาก เข้าได้กับลิปสติกแทบทุกสี เป็นสีพีชที่ไม่เหมือนใคร มีความ peach แบบ dark หม่นเบาๆนิดๆ เป็นสีพีชที่ธรรมชาติมากๆ



Charlotte Tilbury filmstar bronze & glow
16 g ราคา £49.00
Made in Italy


ยากให้เข้าไทยมาก ราคาร้านหิ้วแพงเกิน ชอบป้าชาล็อต เวลาตามดูแกแต่งหน้านี่เคลิ้มมาก แต่งได้มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร แกจะเปิดบทสนทนาว่า Darling! ทุกรอบ เป็นพาเล็ตที่ must have สำหรับเรา ไฮไล์วาวแบบธรรมชาติกำลังดี ไม่ใช่แบบเกล็ดชิมเมอร์ ปัดแล้วโกลวแบบไม่เน้นรูขุมขน บรอนเซอร์มีน้ำตาลเทานิดๆ ไม่เจือส้ม ปัดแล้วเข้ากับผิวโดยไม่ทำให้ดูเหมือนไม่คลุกฝุ่นหรือโคลนมา แถมด้วยสีของบรอนเซอร์ยังสามารถเอามาคอนทัวร์ได้ต้วย พาเล็ตนี้ครบจบมาก





Becca shimmering skin perfector สี Moonstone
ไซส์เล็ก ซื้อเซ็ท Opal Glow On The Go ที่มีไฮไลท์แบบน้ำ ราคา 2 ชิ้น 1,050 บาท
Made in U.S.A.

อันนี้คงไม่ต้องพูดอะไรมาก ทาแล้วผิววาวสวยเหมือนฉ่ำน้ำค้าง โดยไม่เป็นเกล็ดชิมเมอร์ เป็นไฮไลท์ที่อยู่ระหว่าง intense กับ Natural ปัดแต่เบามือสวยกำลังดี ถ้าปัดหนักไปตัวนี้มันจะไปไฮไลท์รูขุมขนและอื่นๆที่เราไม่ต้องให้เห็นเด่นชัด เช่นพวกริ้วรอยต่างๆ หลังจากได้ลองทั้งไฮไลท์น้ำ กับแบบอัดแข็งของ becca ชอบอันนี้ที่สุด

Physicians formula butter bronzer สี Bronzer
11 g ราคา 779 บาท
Made in Italy

เป็นบรอนเซอร์ที่เราได้ยินกระแสดีๆมาก ทั้งจากกูรูต่างประเทศ รีวิวตามเว็บไซค์ รู้ตัวอีกทีก็พุ่งไปซื้อแล้ว หอมกลิ่นมะพร้าวมาก เนื้อนุ่มแบบครีมมี่แม้จะเป็นแบบฝุ่นอัดแข็ง สีสวยไม่ติดส้มหรือแดง ปัดแล้วธรรมชาติกำลังดี แต่ด้วยความที่มันธรรมชาติ ถ้าผิว NC 25 ขึ้นไปควรเช็คดีๆค่ะ ปัดแล้วอาจมองไม่เห็น อันนี้เห็นสาวๆผิวประมาณนี้บ่นกันเยอะ


The Balm in The Balm of Your Hand Greatest Hits volume 2 Palette
ราคา 1,850 บาท
Made in U.S.A.



ขอยกให้พาเล็ตนี้เป็นพาเล็ตเครื่องสำอางที่คุ้มค่า และดีที่สุดสำหรับเรา เอาชนะพาเล็ตป้าชาล็อตที่เรามี รวมถึงพาเล็ต holiday อื่นๆ เพราะพาเล็ตนี้รวมสิ่งที่เป็น bestseller ของ Tha Balm ไม่ว่าจะ ไฮไลท์ Mary lou, บรอนเซอร์ Bahama mama, บลัช Downboy ชมพูหวานๆ, บลัช Flatboy สีพีชธรรมขาติ, บลัช Houndstooth สีพลัมกุหลาบ,อายแชโดว์จากพาเล็ตยอดฮิตต่างๆ ทุกสิ่งคือเนื้อดีหมดจริงๆ เนื้อนุ่มบัตเตอร์ เบนด์ง่าย ไม่เป็นปื้น แพ็คเกจจิ้งเป็นกระดาษที่แข็งแรงไม่ก๊องแก๊ง มีกระจกมาให้อีกต่างหาก เหมาะมากสำหรับคนที่อยากลองของดีเด็ดของ The Balm แต่มีเครื่องสำอางในกรุที่ต้องใช้อีกนับไม่ถ้วน หรือคนที่กำลังมองหาพาเล็ตที่จะพกไปทุกที ครบจบในพาเล็ตเดียว


หมดแล้วค่า สำหรับเครื่องสำอางชิ้นโปรดของปี 2017 ที่ชอบ ถ้ามีโอกาสจะทำรีวิวเจาะลึกให้อ่านนะคะ และลิปสติกจะตามมาในบล็อกถัดไปค่ะ ต้องขอบคุณทุกคนทีเข้ามาอ่านหรือติดตาม ความชอบในผลิตภัณฑ์ใดๆล้วนต่างกันไปตามแต่ละบุคคล เพราะแต่ละคนมีสภาพผิวไม่เหมือนกัน ของที่เราชอบอาจเป็นของที่เพื่อนๆไม่ชอบ ถ้าเป็นไปได้ควรเทสต์ ควรลองทุกครั้งก่อนซื้อค่ะ 

Best skincare of 2017

สวัสดีค่ะ สวัสดีปีใหม่ 2018 ต้องขอโทษผู้อ่าน หายไปเป็นพักๆสำหรับบล็อกนี้ แถมยังมาทำ Content เดอะเบสของปี 2017 ช้าไปอีก โดยบล็อกนี้เราจะรวมสกินแคร์ชิ้นเด็ดที่ชอบและหยิบใข้บ่อยที่สุดในปีที่ 2017 ที่ผ่านมา อาจไม่ครบทุกหมวดหมู่ เพราะเลือกเฉพาะอันที่ชอบจริงๆ หลังๆเน้นบำรุงผิวมากกว่าแต่งหน้าอีกค่ะ 

สภาพผิวเรา : ผิวผสมทีโซนมันในหน้าร้อน/แห้งในหน้าหนาว ส่วนข้างแก้มนี่แห้งมาก


Bifesta Cleansing Lotion Acne Care
ปริมาณ 300 ml ราคา 290 บาท, รีฟิล 220 บาท
Made in Japan



ตัวนี้ชนะ Dove, Bioderma เลยนะสำหรับเรา หยิบใช้บ่อยกว่า Bioderma มากๆ ตรงใจเราที่สุดคือเป็นคลีนซิ่งที่เช็ดแล้วไม่แห้งตึง สบายผิว ให้ความชุ่มชื้นกับผิว หนึบนิดๆ ไม่แพ้ ไม่คัน สำหรับ Bifesta เราใช้สูตรอื่นแพ้ คันและผื่น แต่สูตรนี้ดีมาก ถูกกับผิวเราสุดๆ แถมมีรีฟิลรักโลกไปอีก เลยไม่รู้จะซื้อคลีนซิ่งแพงๆไปเพื่ออะไร ในเมื่อตัวนี้ราคาน่ารัก จัดโปรบ่อย แถมใช้ดีมากๆ


Muji Cleansing oil
ปริมาณ 500 ml ราคา 495 บาท
Made in Japan



ตัวนี้ก็เบียดชนะ DHC อดีตลูกรัก ก่อนที่เราจะขึ้นไซส์ใหญ่ เราซื้อไซส์ปกติมาลองก่อน ใช้จนหมด ก็ซื้อซ้ำ ใช้ดีมาก ส่วนผสมดี ไม่มีส่วนผสมของพาราเบน แอลกอฮอล์ น้ำหอม และ Mineral oil ตัวนี้เป็นออยจากธรรมชาติ 100% เนื้อเหลวๆ ไม่ข้นเกิน ไว้ใช้วันแต่งหน้าแบบหนักๆ ล้างหมดจด สะอาด ไม่แพ้ ไม่มีความมันตกค้าง จริงๆรู้สึกว่าแอบแห้งเหมือนล้างโฟมหลังใช้ ช่วงหนาวๆหน้าแห้ง จะใช้แล้วไม่ล้างโฟมตาม เดี๋ยวจะหน้าแห้งเกิน ใช้แล้วไม่มีสิวขึ้น ดีมาก ราคาก็น่ารักอีกแล้ว


Suisai beauty clear powder
Made in Japan ราคาประมาณ 270-300 บาท




เป็นผงแป้งล้างหน้า ที่ทำแพ็คเกจดีมาก ผงแป้งโดนน้ำแล้วจะเกิดฟอง ล้างหน้าสะอาดแต่ไม่ทำให้หน้าแห้งตึง สะดวกมากเวลาเดินทาง ไม่ต้องแบกโฟมล้างหน้าหนักๆ ใช้เสร็จอันนึงก็ทิ้ง ดีใจที่บ้านเราเอาเข้ามา แถมราคาน่ารัก  ไม่ต้องไปหิ้วเข้ามาเองให้ลำบาก


Muji Toner
ปริมาณ 200 ml ราคา 295 บาท
Made in Japan



เป็นโทนเนอร์ที่ใช้ต่อเนื่อง เมื่อก่อนไม่เห็นความจำเป็นของโทนเนอร์ แต่พบว่ามันดีมาก โดยช่วงที่ผิวขาดน้ำหรืออากาศแห้ง เราพบว่าการเลเยอร์ผลิตภัณฑ์ซักสองสามชั้น ดีกว่าการทาครีมหนักตู้มเดียวจบ  ตัวนี้เป็นสูตร High Moisture จะเข้มข้นกว่าสูตร Light หนึบนิดๆหลังเช็ดเสร็จ แต่ซึมเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ไม่ทำให้หน้ามัน


Sulwhasoo First Care Serum Ex
ปริมาณ 60 ml ราคา 2,800 บาท
Made in Korea



ไม่อยากยอมรับเลยว่าชอบ เพราะคนชอบเยอะ กลัวนางขึ้นราคาอีก ซื้อเจนแรกก่อนปรับปรุงสูตรค่าตัว 2,600 บาท ได้โปรดอย่าขึ้นราคาเลยนะ 555 ตัวนี้เป็นเหมือนพรีซีรั่ม เนื้อบางเบา ซึมเร็ว หอมโสมอ่อนๆ เราใช้ทาทั้งรอบดางตา ริมฝีปาก ใช้แล้วเห็นผลว่าผิวดีกว่าตอนที่ไม่ใช้ ใช้มาหลายขวดมาก


Clarins Double Serum
ปริมาณ 30 ml ราคา 3,700 บาท
Made in France



เป็นซีรั่มผสม oil ที่ไม่เหนียวเหนอะ ซึมเร็ว ไม่ทำให้หน้ามัน ใช้ระยะยาว ผิวเรียบเนียน ดูอิ่มฟู หน้าไม่โทรม ใช้มาตั้งแต่สูตรเก่า จนเค้าออกรุ่นปรับปรุงใหม่ก็ชอบค่ะ มีกลิ่นน้ำหอมกุหลาบอ่อนๆไม่ฉุน


La roche posay cicaplast baume b5
ปริมาณ 40 ml ราคา 450-500 บาท
Made in France



เป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะกับคนผิวแห้งมากหรือผิวผสมค่ะ เนื้อครีมค่อนข้างข้น แต่ไม่ถึงขึ้นเหนอะหนะ ตัวนี้เป็นฮีโร่ช่วงที่ผิวอ่อนแอ หน้าแพ้ หน้าแห้งลอก หรือไปเมืองหนาว จะขาดไม่ได้ ให้ความชุ่มชื้นดีมาก จริงๆเหมือนครีมสารพัดประโยชน์ ทาปากเป็นลิบบาล์มก็ได้ อากาศติดลบเอาอยู่ แต่หน้าร้อนอาจเหนอะผิวไป ทาได้แค่กลางคืน ข้อเสียคือมี Zinc Oxide ทาแล้วจะดูขาวๆ เหมือน White Cast ในกันแดดค่ะ 


Sulwhasoo overnight vitalizing mask
ปริมาณ 120 ml ราคา 1,600 บาท
Made in Korea



เหมือนใช้แล้วหยุดใช้ไม่ได้ Addicted มาก ทั้งๆที่ตามหลัก พวกสลีปปิ้งมาร์สก็เหมือนมอยเจอร์ไรเซอร์ตัวนึง ที่มีสารบำรุงอะไรแบบนี้ ไม่ได้ถึงกับจำเป็น แต่เราใช้ช่วงผิวเครียดๆ นอนน้อย หรืออยากบำรุงผิวเป็นพิเศษ รู้สึกเห็นผล ตื่นมาหน้านิ่ม ดูนอนอิ่ม เนื้อแอบหนัก แต่ทาแล้วเปิดแอร์นอนโอเคมาก หอมโสมสไตล์ Sulwhasoo


lip balm



NUXE baume levres reve de miel
ปริมาณ 15 g ราคา 300-500 บาท
Made in France

ตัวนี้ไม่ขายในไทย มีขายที่ร้านขายยาที่ฝรั่งเศส  มันดีมาก ดีกว่าลิปบาล์มแพงๆที่เคยใช้ ให้ความชุ่มชื้นแบบครีมมี่บัตเตอร์ ที่ไม่ทำให้ปากมันเหมือนกินมันหมู ทากลางคืนชุ่มชื้นนานถึงเช้าเลย


La roche posay cicaplast levres barrier repairing balm
ปริมาณ 7.5 ml ราคา ประมาณ 200-300 บาท
Made in France

ชอบรองมาจาก nuxe เนื้อนุ่ม ครีมมี่บัตเตอร์เบาๆ ไม่มันแบบน้ำมันหมู ให้ความชุ่มชื้นกำลังดี ทาได้ทั้งกลางคืนและก่อนแต่งหน้า แพ็คเกจดี ราคาโอเค ซื้อซ้ำตลอด


face oil



Trilogy certified organic rosehip oil
ปริมาณ 20ml ราคา 840 บาท
Made in New Zealand

ชอบมากสำหรับตัวนี้ ขวดที่ 2 แล้วค่ะ แน่นอนว่าต้องมีขวดต่อไป เราใช้เอาออยผสมมอยเจอร์ไรเซอร์ บางทีก็ทาเดี่ยวๆขั้นสุดท้าย เพื่อล็อคความชุ่มชื้น ไปเที่ยวอากาศติดลบนี่เอาอยู่มาก ทาป้องกันริ้วรอย ลดริ้วรอยตื้นๆได้ ทาแล้วชุ่มชื้นแต่ไม่ทำให้หน้ามันค่ะ ต่อข้อเสียคือจะมีกลิ่นธรรมชาติที่แอบกลิ่นเหมือนคาวปลา แต่ไม่ได้เหม็นแบบรุนแรงนะคะ เลยใช้แค่กลางคืน

DECIEM The Ordinary 100 plant-derived squalane oil
ปริมาณ 30ml ราคาประมาณ 400-500 บาท
Made in Canada

ตัวนี้ไม่ขายในไทย ต้องสั่งพรีฯ เราชอบใช้ตอนเช้าเพราะ เนื้อเบากว่า Triology รู้สึกได้ว่าซึมลงผิวดี แต่ให้ความชุ่มชื้นติดทน อากาศติดลบเอาอยู่ ไม่ทำให้หน้ามัน ราคาน่ารัก ไม่มีกลื่นรบกวน หน้าร้อนก็ใช้ได้ เพราะเนื้อเบาไม่ข้น



Kanebo Allie extra uv gel (mineral moist neo) spf50+ pa+++
ปริมาณ 40ml ราคา 450-500 บาท
Made in Japan





เนื้อเจลเบาสบายผิว กันแดดครบ ไม่ลอกเป็นขุย ไม่เกิด White Cast เป็นจูออน ใช้เป็นเมคอัพเบสได้ ถึงจะมีแอลกอฮอล์ แต่คนหน้าแห้งใช้ได้ค่ะ เพราะให้ความชุ่มชื้นจริง ถึงให้ความชุ่มชื้นแต่ไม่ทำให้หน้ามันค่ะ ใครผิวมันมากๆอาจจะชอบอีกรุ่นที่เป็นหลอดสีชมพูมากกว่า แต่ส่วนตัวเราชอบอันนี้มากกว่า เนื้อมันละมุน แต่งหน้าต่อได้ ใช้เป็นเบสเมคอัพได้ในตัว ทาซ้ำระหว่างวันได้แบบกดๆบนผิว ไม่เป็นคราบ เราแพ้ Anessa สุดๆ ใช้แล้วคันมาก จากนั้นผื่นขึ้น(เปิดใจลอง 3 สูตร แพ้หมด T T) แต่ Allie นี่ไม่แพ้ ใช้วนไปแทบทุกสูตร ชอบสูตรนี้สุดค่ะ ใช้มาหลายหลอดจนเลิกนับ มีซื้อตุนไว้ตลอด แต่หาซื้อยากไปนิด มีขายวัตสันแค่บางสาขาค่ะ



หมดแล้วค่ะ สำหรับสกินแคร์ชิ้นโปรดของปี 2017 ที่ชอบทิ้งหมดทั้งมวล ถ้ามีโอกาสจะทำรีวิวเจาะลึกให้อ่านนะคะ ต้องขอบคุณทุกคนทีเข้ามาอ่านหรือติดตาม ผลลัพธ์ของการใช้สกินแคร์อาจต่างกันไปตามแต่ละบุคคล เพราะแต่ละคนมีสภาพผิวไม่เหมือนกัน รวมถึงความชอบต่อผลิตภัณฑ์ก็ต่างกันไป ของที่เราชอบ อาจเป็นของที่เพื่อนๆไม่ชอบ ถ้าเป็นไปได้ควรเทสต์ทุกครั้งก่อนซื้อค่ะ ส่วนเดอะเบสหมวดเครื่องอางตามลิ้งนี้ไปได้เลยค่า